เรื่อง การกำหนดราคาสินค้าและบริการอย่างมืออาชีพ
ผศ.ดร.วิชิต อู่อ้น
คณบดีวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
สวัสดีครับท่านผู้ประกอบการทุกท่าน ตอนนี้จะเป็นวิธีการในการกำหนดราคาของสินค้าและบริการซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะการกำหนดราคา สามารถกำหนดได้ทั้งที่เป็นการกำหนดราคาที่สูง กลาง หรือต่ำ ก็ได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันที่ดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดียวกัน ราคาจะเป็นปัจจัยหลักให้การกำหนดรายได้ของธุรกิจ ดังนั้นในการเริ่มต้นทำธุรกิจผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้น
การกำหนดราคาสิ่งสำคัญประการแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือ ราคาที่ผู้ประกอบการกำหนดขึ้นมานั้นจะต้องสะท้อนให้เห็นถึงกำไรและตำแหน่งของสินค้าและบริการในตลาดเพื่อการได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้นก่อนอื่นผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในการกำหนดราคานั้น เราจะกำหนดจากต้นทุน (Cost) หรือ มูลค่า (Value) เป็นสำคัญ และความแตกต่างระหว่างต้นทุน (Cost) และ มูลค่า (Value) เราสามารถจำแนกได้ดังนี้คือ
- ต้นทุน (Cost) ของสินค้าและบริการจะแสดงให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าและบริการ
- ราคา (Price) จะแสดงให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของสินค้าและบริการของธุรกิจ
- มูลค่า (Value) จะหมายถึงสิ่งที่ลูกค้าเชื่อว่าสินค้าและบริการของธุรกิจมีค่าต่อลูกค้ามากน้อยแค่ไหน
จากความหมายข้างต้นจะเห็นว่า ผู้ประกอบการจะเน้นการสร้างแนวคิดเกี่ยวกับราคาต่อลูกค้าอย่างไรเพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน จากคำจำกัดความที่แตกต่างกันข้างต้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักในการที่สร้างกำไรให้กับผู้ประกอบการ อีกทั้งโดยทั่วไป กำหนดราคาพื้นฐานหลักผู้ประกอบการต้องทราบก็คือ โครงสร้างของต้นทุนในการดำเนินการเพื่อกำหนดราคาสินค้าและบริการนั้นเอง โดยทั่วไป โครงสร้างต้นทุนจะประกอบไปด้วย
1. ต้นทุนคงที่ เป็นต้นทุนที่ไม่มีการเปลี่ยนไปตามปริมาณการผลิตและการตลาด
2. ต้นทุนผันแปร เป็นต้นทุนที่เมื่อผลิตมาก ขายมาก ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณเหล่านี้
ดังนั้นเบื้องต้นในการกำหนดราคาผู้ประกอบการควรกำหนดให้สูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยนั้นเอง โดยผู้ประกอบการสามารถนำต้นทุนมาใช้ในการกำหนดราคาได้ 2 แบบหลัก ๆ คือ
1. การกำหนดราคาด้วยวิธีบวกจากต้นทุน (Cost-Plus) เป็นวิธีการในการกำหนดราคาอย่างง่าย ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้โดยพิจารณาจากต้นทุนเป็นหลัก แล้วบวกด้วยร้อยละของกำไรของผู้ประกอบ ก็จะสามารถกำหนดราคาขายได้ วิธีการนี้จะเหมาะสมกับธุรกิจที่มีการขายสินค้าในปริมาณมาก ๆ และเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรง
2. การกำหนดราคาด้วยวิธีกำหนดฐานมูลค่าของราคา (Value-Based Pricing) วิธีการนี้จะเน้นจากความต้องการจ่ายของลูกค้าเป็นหลัก ว่าลูกค้าเต็มใจจ่ายเท่าไร วิธีการนี้ผู้ประการจะเน้นการขายสินค้าและบริการจากประโยชน์ของสินค้ามากกว่าคุณลักษณะภายนอกของสินค้า
ดังนั้นหากผู้ประกอบการมีความชัดเจนในการกำหนดราคาจะทำให้ท่านได้เปรียบคู่แข่งขัน แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องไม่ลืมนะครับว่าราคาที่ท่านกำหนด ท่านต้องการอะไร แต่ถ้าเป็นผมและผู้ประกอบการอีกหลาย ๆ ท่านเราหวังกำไรแน่นอนครับ
สนใจข้อมูลทางธุรกิจเพิ่มเติม ค้นหาข้อมูลได้ที่ www.dollarsrich.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น