วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การตลาดตอนที่ 2 ความมหายของการตลาด

ความหมายของการตลาด (What is the Marketing?)
ที่หลากหลายมุมมอง

                สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่านวันนี้เราจะได้มารู้จักกับคำว่าการตลาดกันนะครับ สำหรับคำว่าการตลาดหลาย ๆ องค์การได้ให้ความหมายที่แตกต่างกัน ในความหมายของผม

การตลาดจะหมายถึงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอสูงสุด และกำไรจะเกิดขึ้นในระยะยาวสำหรับธุรกิจ หลายคนถามผมว่าแล้วความพึงพอใจของผู้บริโภคเราวัดจากอะไร

ถ้าถามในมุมมองของนักการตลาดในปัจจุบัน เราจะพบว่าความพึงพอใจของผู้บริโภคเราจะวัดจากรูปธรรมที่วัดได้ ถามว่ารูปธรรมที่วัดได้ เราวัดความพึงพอใจของผู้บริโภคเราวัดจากอไร ง่าย ๆ ครับ เราจะวัดจากการตัดสินใจซื้อนั้นเอง หลายคนถามว่า บางครั้งผู้บริโภคซื้อ แต่ซื้อไปบ่นไป ถามว่าลูกค้าพอใจหรือเปล่า ในฐานะที่เราเป็นนักการตลาดเราถือว่า ถ้าซื้อเมื่อไร ลูกค้าพอใจทันที่ครับมุมมองการตลาดของลูกค้ากับนักการตลาดจะมีความแตกต่างกันนะครับ โดยหากเป็นมุมมองของนักการตลาด เราจะคุ้นเคยกันดีกับคำว่า 4 P และมุมมองของลูกค้าเราจะรู้จักกันใน 4 C นั้นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้ง 4 P’s และ 4 C’s  จะมีมุมมองที่เหมือนกันแต่จะต่างกันในแง่ที่ใครเป็นคนมองนั้นเอง ซึ่งในที่นี้ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นในตารางนะครับ

ตารางที่ 1  แสดงมุมมองทางการการตลาดของนักการตลาดและลูกค้า

มุมมองของนักการตลาด
1. ผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการ (Product)
2. การตั้งราคาที่เหมาะสม  (Price)
3. ระบบจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้า (Place)
4. การส่งเสริมการตลาดได้ดึงดูดใจ (Promotion)
มุมมองลูกค้า
1.ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ (Customer )
2. ซื้อในราคาย่อมเยา  ( Cost)
3. สะดวกในการหาซื้อ (Convenience)
4. การสื่อสารทางการตลาด (Communication)


จากตารางจะเห็นได้ว่านักการตลาดจะสร่าสนประสมทางการตลาดขึ้นมาเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคและหาวิธีการที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อ ในมุมมองระหว่าง 4 P กับ 4 C สัมพันธ์กันดังนี้ครับ
P ตัวแรกคือ P-Product นักการตลาดจะแสวงหาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรสชาติ คุณประโยชน์ของสินค้า ฯลฯ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้เมื่อนักการตลาดสร้างขึ้นจะทำให้ผู้บริโภครับรู้และเกิดความต้องการซื้อเมื่อลูกค้าเกิดความต้องการดังนั้น P แรกจึงสัมพันธ์กับ C ตัวแรกก็คือ C-Customer นั้นเอง C ตัวแรกนี้จะแสดงให้เห็นถึงมุมมองของลูกค้าในการตัดสินใจซื้อสินค้า ลูกค้าจะต้องแน่ใจว่าสินค้าเหล่านั้นเมื่อซื้อไปแล้วจะต้องตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นเอง
P ตัวที่สองคือ P-Price นักการตลาดจะต้องมีการกำหนดราคาสินค้าและบริการให้เหมาะสม โดยในความเหมาะสมนี้นักการการตลาดส่วนใหญ่จะเน้นที่ต้นทุนและกำไรที่ต้องการ โดยต้องสอดคล้องกับ C ตัวที่สองของลูกค้า นั้นคือ C-Cost นั้นเองโดยลูกค้าเมื่อซื้อสินค้า จะคำนึงถึงการซื้อสินค้าในราคาที่ย่อมเยาและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าที่จะจ่าย
P ตัวที่สามคือ P-Place ใน P นี้นะครับนักการตลาดหลายคนให้ความสำคัญแค่เพียง
Place ที่เป็นสถานที่เท่านั้นแต่ในความเป็นจริงแล้ว P-Place ยังประกอบไปด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้า โดยอาจจะผ่านตัวกลาง ตัวแทน และนายหน้า เพื่อทำลูกค้ามีความสะดวกต่อการตัดสินใจซื้อซึ่งก็สอดคล้องกับ C ตัวที่สามในมุมมองผู้บริโภคคือ C-Convenience to Buy นั้นเอง
                P ตัวสุดท้ายครับ P-Promotion เป็น P ที่เราทราบกันดีในชื่อของการส่งเสริมการตลาดซึ่งประกอบไปด้วย การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การส่งเสริมการขาย การขายโดยพนังงานขาย และ การตลาดแบบตรงนั้นเอง โดยนักการตลาดจะมุ่งเน้นการส่งเสริมการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้า โดยใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการสื่อสาร และจะสอดคล้องกับ C ตัวที่สี่ ในมุมมองของผู้บริโภคคือ C-Communication ที่เป็นการสื่อสารทางการตลาดที่ผ่านสื่อทั้งภาพ เสียง สิ่งพิมพ์ และสื่อบุคคล เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข่าวสารจากนักการตลาดนั้นเองครับ
                เป็นไงกันบ้างครับท่านผู้อ่าน ตอนนี้คงเข้าใจแล้วนะครับว่ามุมมองในความความหมายของนักการตลาดและลูกค้าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร พบกันในตอนหน้าครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น